ผมไปพบโฆษณานี้โดยบังเอิญครับ เรยอยากจะเอามาแชร์กัน ประเทศเค้ามีระบบ 3G กับ iPhone ใช้กันแล้ว สุดยอดจริงๆ
เป็นโฆษณาภาษาลาวครับ แต่เราสามารถฟังออกได้ประมาณ 80%
ดูแล้วพบว่าเกาหลีกับญี่ปุ่นก็ครองใจวัยรุ่นลาวไปแล้ว
ถ้าใครสนใจไปเที่ยวลาว ติดต่อมาได้นะครับ เพื่อนผมทำทัวร์
Showing posts with label Technology. Show all posts
Showing posts with label Technology. Show all posts
เผยไต๋ การช่อโกงซื้อขายบนอินเตอร์เน็ตแบบใหม่! มันฉลาดจริงๆ
วันนี้เราได้เข้าไปอ่านกระทู้ที่มีปัญหาใน ThaiSecondHand.com ครับ พวกกระทู้แจ้งจับอะไรพวกนั้น อยากเอามาเล่าให้ฟัง
นาย A ต้องการซื้อ Air Card รุ่นหนึ่ง (มันคือสิ่งที่ทำให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจาก Sim Card ได้ครับ) ราคา 6,900 บาท นาย A จึงไปหากระทู้ที่มีการประกาศขาย Air Card รุ่นนี้ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง
เพียงเวลาไม่กี่นาทีนาย A พบกระทู้ที่มีการประกาศขายสินค้านี้แล้ว นาย A ไม่รอช้าโทรศัพท์ไปหาผู้ประกาศขายนาย B ทันที!
ตรู๊ตตตๆๆ ตรู๊ตตตตตตต ~
นาย A จดเลขที่บัญชีลงกระดาษที่เตรียมไว้และวางหูโทรศัพท์ไป นาย B กลับเข้าไปนอนต่ออย่างมีความสุขที่สินค้าตัวเองขายออกและลูกค้าไม่ต่อราคาเลย "โชคดีบ้างไรบ้าง" - นาย B พึมพำ
หลังจากวางหูโทรศัพท์ไปไม่นาน นาย A ได้ถ่ายรูปโทรศัพท์ตัวเองซึ่งเป็น iPhone 3Gs 8G แล้วเอาโพสขึ้นกระทู้ขาย
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่กระทู้เข้าสู้โลกไซเบอร์ ก็มีสก๊อย น้องเหมียว(นามสมมุติ) โทรหานาย A
อุ๊ยย!!! อะไรกันนี่ นาย A ให้เลขที่บัญชีนาย B กับสก๊อย น้องเหมียว ไปนี่นา .... เรื่องมันชักจะเป็นยังไงๆแล้วล่ะสิ
ผ่านไป 25 นาทีหลังจากบทสนทนาสุดท้ายทางโทรศัพท์กับสก๊อย น้องเหมียว
ตรู๊ตตตๆๆ ตรู๊ตตตตตตต ~ เสียงโทรศัพท์ของนาย A ดัง
ช่วงเย็นวันนี้ นาย A พบกับนาย B ที่สถานีรถไฟฟ้า นานานา นาย B ให้ Air Card และเงินทอน 3 พันบาทกับนาย A......
หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ขายอะไรซื้ออะไรที่เมืองไทย เจอหน้าจ่ายตัง อย่าโอนเงินถ้าไม่จำเป็น
นาย A ต้องการซื้อ Air Card รุ่นหนึ่ง (มันคือสิ่งที่ทำให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจาก Sim Card ได้ครับ) ราคา 6,900 บาท นาย A จึงไปหากระทู้ที่มีการประกาศขาย Air Card รุ่นนี้ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง
เพียงเวลาไม่กี่นาทีนาย A พบกระทู้ที่มีการประกาศขายสินค้านี้แล้ว นาย A ไม่รอช้าโทรศัพท์ไปหาผู้ประกาศขายนาย B ทันที!
ตรู๊ตตตๆๆ ตรู๊ตตตตตตต ~
"สวัสดีพี่ พี่ใช่ผู้ที่ประกาศขาย Air Card XXX หรือเปล่าครับ" - นาย A ถามอย่างสุภาพ
"ช่ายยแล้วครับ ฮ้าววว" - นาย B ตอบแบบเดาได้ว่ายังอยู่บนเตียง
"พี่ๆ เดี๋ยวผมให้เด็กที่บริษัทโอนตังให้เรยนะพี่ โอนแล้วเอาของมาส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้า นานานา นะครับ" - นาย A เสนออย่างรวดเร็ว
"อ่ะ อ่อ ครับๆ เอาเลขที่บัญชีพี่ไปนะ หมายเลข xx-xxx-x-xxx-x ชื่อบัญชี นาย B หวังจะขาย" - นาย B ตอบแบบสลึม สลือ
นาย A จดเลขที่บัญชีลงกระดาษที่เตรียมไว้และวางหูโทรศัพท์ไป นาย B กลับเข้าไปนอนต่ออย่างมีความสุขที่สินค้าตัวเองขายออกและลูกค้าไม่ต่อราคาเลย "โชคดีบ้างไรบ้าง" - นาย B พึมพำ
หลังจากวางหูโทรศัพท์ไปไม่นาน นาย A ได้ถ่ายรูปโทรศัพท์ตัวเองซึ่งเป็น iPhone 3Gs 8G แล้วเอาโพสขึ้นกระทู้ขาย
"ขาย iPhone 3Gs 8G เครื่องศูนย์ตรู สีดำ ของครบ ราคา 9,900 ร้อนเงิน" หัวข้อกระทู้น่าดึงดูดยิ่งนัก
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่กระทู้เข้าสู้โลกไซเบอร์ ก็มีสก๊อย น้องเหมียว(นามสมมุติ) โทรหานาย A
"พี่ค่ะๆๆ เพ่ขายอัยโฟน ชุ่ยยมั๊ยค้าๆๆๆๆ" - สก๊อย น้องเหมียว ถามด้วยความตื่นเต้นเพราะราคามันถูกกมาก
"ใช่แล้วครับ ถ้าน้องจะซื้อ น้องต้องโอนเงินมาให้พี่เลยนะครับ แล้วพี่จะ EMS ให้ทันทีที่ได้รับเงินครับ" - นาย A ทำเสียงหล่อดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง
"ดั้ยเยยค่ะเพ่ค้าา ส่งหั้ยหนูทานทีเรยนะค้าๆๆๆ เอาเลกบันชีมาเรยยค้าๆๆ" - สก๊อย น้องเหมียว ไม่รอช้าถามเลขที่บัญชีทันที งานนี้คุ้ม สุดคุ้ม
"เลขที่บัญชีนะครับ หมายเลข xx-xxx-x-xxx-x ชื่อบัญชี นาย B หวังจะขาย โอนแล้วโทรมานะครับ" - นาย A ตอบอย่างโปรเฟสชัลเนล และวางสายไป
อุ๊ยย!!! อะไรกันนี่ นาย A ให้เลขที่บัญชีนาย B กับสก๊อย น้องเหมียว ไปนี่นา .... เรื่องมันชักจะเป็นยังไงๆแล้วล่ะสิ
ผ่านไป 25 นาทีหลังจากบทสนทนาสุดท้ายทางโทรศัพท์กับสก๊อย น้องเหมียว
ตรู๊ตตตๆๆ ตรู๊ตตตตตตต ~ เสียงโทรศัพท์ของนาย A ดัง
"เพ่ค้าา น้องเหมียวไปดิ้นๆกับคุณพ่อจนได้เงินมาแระค่าๆๆ น้องเหมียวโอนให้แร้วนะค้าาาาๆๆๆ" - สก๊อย น้องเหมียว โทรมาด้วยความตื่นเต้น
"ครับน้อง ขอบคุณครับ เดี๋ยวพี่จะ EMS ให้วันนี้เลยนะครับ" - นาย A ตอบ และวางสายน้องเหมียวไปหลังจากที่ทราบว่าได้มีการโอนเงินแล้วนาย A จึงรีบโทรหานาย B ทันที
"คุณ B ครับ ผมให้น้องที่ office โอนเงินให้แล้วนะครับ แต่มันมีปัญหาอยู่นึดนึงครับ น้องเค้าจดเลขที่ให้ไปโอนผิดครับ เลยโอนเกินมาหน่อยครับ" - นาย A พูดแบบร้อนใจ
"อ้อ ผมก็ว่าอยู่ ทำไมโอนเกินมาตั้ง 3 พันบาท ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวตอนไปส่งของผมเอาเงินทอนไปให้ด้วยครับ" - นาย B คนดีที่หนึ่ง ตอบอย่างสุภาพ
ช่วงเย็นวันนี้ นาย A พบกับนาย B ที่สถานีรถไฟฟ้า นานานา นาย B ให้ Air Card และเงินทอน 3 พันบาทกับนาย A......
หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่
- นาย A - บล็อคเบอร์สก๊อย น้องเหมียว ได้ Air Card และเงิน 3 พันบาท มาใช้ฟรีๆ
- สก๊อย น้องเหมียว - นั่งรอ iPhone มาเป็นอาทิตย์ จึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจพร้อมหลักฐานการชำระเงิน
- นาย B - ถูกออกหมายจับฐานช่อโกง เสียทั้งแอร์การ์ดและต้องคืนเงินให้สก๊อย น้องเหมียว อีก 9,900 บาท เพราะตำรวจไทยเอาเลขที่บัญชีและชื่อบัญชีเป็นหลักฐานการซื้อขาย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ขายอะไรซื้ออะไรที่เมืองไทย เจอหน้าจ่ายตัง อย่าโอนเงินถ้าไม่จำเป็น
อย่าดูถูก Google Blogspot เชียว ใช้สร้างเว็บงามหน้าได้ง่ายๆ
สิ่งที่เราได้ทำคือ เปลี่ยนโลโก้, ซ่อน blogger favicon, overwrite CSS นิดๆ, ยัด Widgets, ลบ Copyright, เพิ่มหน้า, เอา Facebook กับ Twitter มาแปะ, และก็ก๊อป content มาปะๆๆๆ
มุมมอง Frontpage Design ข้าราชการไทย(ส่วนมาก) vs ฝรั่ง
วันนี้มาฟังผมบ่นเรื่อง Design หน้าแรกของเว็บไซต์ดีกว่า ระหว่างคุณคนไทยกับฝรั่งขี้นก
ข้าราชการไทยและคนแก่ผู้มีอำนาจ(ส่วนมาก)
"ทำไม Link บทความที่ผมเขียนไม่ได้อยู่หน้าแรก! บทความผมไม่สำคัญใช่ไหม?"
"ทำไมเอาแบบฟอร์มที่ให้ดาวน์โหลดไปอยู่หน้าอื่น(หน้าดาวน์โหลด) คนจะรู้ไหมว่ามันมีให้โหลดแล้ว!?"
"Link บนหน้าแรกอ่ะใส่วันที่ตามหลังด้วย คนมันจะได้รู้ว่ามัน update แค่ไหน!"
"ข่าวต้องเป็นตัวอักษรเลื่อนสิ มันถึงได้น่าสนใจ เอาไปวางเรียงๆกันใครจะอ่านไหม"
"ทำไมหน้าแรกถึงไม่มี Link กลับไปที่เว็บกระทรวงผม"
"รูปกิจกรรมที่ผ่านมาเอาขึ้นไว้หน้าแรกสิ คนจะได้เห็นๆ!"
"ทำไมเว็บถึงไม่เป็นสีชมพู!? (เว็บงานรถยนต์แต่จะเอาสีชมพูเพื่อสะท้อนถึงสถาบันที่จัด 0.o )"
..
...(censor)
.....(ข้อมูลปกปิด)
พวกเอ็งกะเปิดเว็บมาแล้วไม่คลิกเรยใช่ไหม?
คน Canada
Horrible site, information badly presented. They try to put everything on the front page, instead of having multiple layers of navigation. This to me suggests that they developed this thing on a whim. —M, 42, Canada
แปลนะครับ
เว็บแม่งโครตแย่ นำเสนอข้อมูลได้ห่วยแตก ใส่ข้อมูลทุกอย่างไว้แต่ในหน้าแรกแทนที่จะจัดโครงสร้างให้เป็นชั้นๆ คนทำเว็บมันคงทำไปลวกๆ เอาแบบเสร็จเร็วๆ - คุณ M อายุ 42 จากแคนาดา
"ประเทศไทยไม่เจริญเพราะคนไทยชอบคิดไปเองว่าที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องแล้ว" - ผมเอง
ข้าราชการไทยและคนแก่ผู้มีอำนาจ(ส่วนมาก)
"ทำไม Link บทความที่ผมเขียนไม่ได้อยู่หน้าแรก! บทความผมไม่สำคัญใช่ไหม?"
"ทำไมเอาแบบฟอร์มที่ให้ดาวน์โหลดไปอยู่หน้าอื่น(หน้าดาวน์โหลด) คนจะรู้ไหมว่ามันมีให้โหลดแล้ว!?"
"Link บนหน้าแรกอ่ะใส่วันที่ตามหลังด้วย คนมันจะได้รู้ว่ามัน update แค่ไหน!"
"ข่าวต้องเป็นตัวอักษรเลื่อนสิ มันถึงได้น่าสนใจ เอาไปวางเรียงๆกันใครจะอ่านไหม"
"ทำไมหน้าแรกถึงไม่มี Link กลับไปที่เว็บกระทรวงผม"
"รูปกิจกรรมที่ผ่านมาเอาขึ้นไว้หน้าแรกสิ คนจะได้เห็นๆ!"
"ทำไมเว็บถึงไม่เป็นสีชมพู!? (เว็บงานรถยนต์แต่จะเอาสีชมพูเพื่อสะท้อนถึงสถาบันที่จัด 0.o )"
..
...(censor)
.....(ข้อมูลปกปิด)
พวกเอ็งกะเปิดเว็บมาแล้วไม่คลิกเรยใช่ไหม?
คน Canada
Horrible site, information badly presented. They try to put everything on the front page, instead of having multiple layers of navigation. This to me suggests that they developed this thing on a whim. —M, 42, Canada
แปลนะครับ
เว็บแม่งโครตแย่ นำเสนอข้อมูลได้ห่วยแตก ใส่ข้อมูลทุกอย่างไว้แต่ในหน้าแรกแทนที่จะจัดโครงสร้างให้เป็นชั้นๆ คนทำเว็บมันคงทำไปลวกๆ เอาแบบเสร็จเร็วๆ - คุณ M อายุ 42 จากแคนาดา
"ประเทศไทยไม่เจริญเพราะคนไทยชอบคิดไปเองว่าที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องแล้ว" - ผมเอง
ตัดสินใจเลือก Ruby on Rails ทำโปรเจค ดีแล้วหรือ?
ผมอยากเขียนบทความนี้ให้ Geek ทั้งหลายได้อ่านครับ
Geek ในความหมายของผมคือ เป็นผู้ที่คลั่งไคล้ิสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอย่างมาก เป็นผู้ที่พยายามศึกษาสิ่งนั้นให้ละเอียดที่สุด เป็นผู้ที่พยายามชักชวนผู้อื่นให้คลั่งไคล้สิ่งนั้นเหมือนตนเอง และสิ่งนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา ใครมาว่าไม่ได้เลยนะครับ คนพวกนี้จะพยายามหาข้อดีมากลบข้อเสียของสิ่งนั้นๆซะหมด ไปเถียงเขาอย่างไรก็ไม่ชนะหรอกครับ
อธิบายเรื่อง Geek ยาวไปแล้ว บางท่านอาจจะถามผมว่า ลองยกตัวอย่าง "สิ่งนั้น" ที่ผมพูดถึงมาหน่อย....ได้ครับ สมมุติว่าสิ่งนั้นคือภาษาโปรแกรมใหม่ภาษาหนึ่ง ยกตัวอย่างไอ้ที่มันแรงๆตอนนี้ละกันครับ Ruby on Rails
ผมมีโอกาสได้ศึกษา Ruby on Rails เพื่อพัฒนา Web Application มาได้สักระยะแล้วครับ ผมพบว่ามันเป็นภาษาที่มี Architecture ที่ดีมากครับ โครงสร้างของโค้ด Ruby ที่คุณเขียนจะเป็น MVC (Model-View-Control) โดยอัตโนมัติครับ(หรือจะเรียกว่าโดยบังคับดี?) ส่วนโครงสร้างของภาษาก็เข้าใจง่ายครับ ประมาณว่า อาม่าของผมก็อ่านโค้ดง่ายๆ พอเข้าใจว่ามันทำอะไร ถ้าจะให้ยกตัวอย่างนะครับโค้ด Ruby บรรทัดเดียวอาจจะมีความหมายเท่ากับโค้ด php 5 บรรทัดหรือมากกว่า บางคนเคยเขียนภาษาที่ใช้พัฒนา Web Application อื่นๆ มาก่อน เช่น php, jsp, asp เป็นต้น พอได้มาสัมผัสกับ Ruby on Rails ส่วนมากก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
จุดมันอยู่ตรงนี้ครับ อะไรที่เป็นตัวตัดสินว่าภาษาไหนแย่กว่ากันครับ? ทำไมคนถึงคิดว่า Ruby on Rails ดีกว่า php ล่ะ สมมุตินะครับ...แค่สมมุตินะ ถ้าคนเราเริ่มเรียน Ruby on Rails ก่อน php ล่ะ จะบอกว่า php ง่ายกว่าไหม? ดีกว่าหรือเปล่า? พวก Ruby Geek ทั้งหลายก็คงบอกว่า "ไม่" สินะครับ นั่นนะสินะ พวกคุณเป็น Ruby Geek นี่ ผมจะเถียงคุณได้อย่างไรเล่าครับ...จริงไหม?
จริงๆถ้าผมเรียน Ruby ก่อน php นะครับ ตามความรู้สึกผม ผมอาจจะคิดว่า php เป็นภาษาที่ไร้สาระก็ได้ แต่ผมก็ไม่ลืมนะครับว่าภาษาแรกที่สอนการส่ง http request แบบ GET กับ POST ให้ผมก็ php นี่แหละ...เอาล่ะครับ ขอกลับมาเรื่องเดิมก่อน ผมแค่อยากจะบอกว่าเมื่อคุณเรียน Ruby ไปแล้วมีความรู้สึกว่า Ruby มันดี php มันแย่ เมื่อไร นั่นหมายความว่าสิ่งที่พัฒนาขึ้นไม่ใช่ Ruby ครับ แต่เป็นตัวคุณต่างหาก! หากให้คุณกลับไปเขียน php ที่คุณเคยเขียนเมื่อหลายปีก่อนใหม่อีกรอบ คุณก็คงไม่เขียนแบบเดิมแล้วใช่ไหมครับ? ส่วนเด็กๆที่หัดเขียนโปรแกรมโดยใช้ Ruby เป็นภาษาแรก เค้าก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันดีกว่ายังไง หรือ MVC คืออะไร
ผมยอมรับนะครับว่าเมื่อคุณเข้าใจ Ruby on Rails ในระดับหนึ่ง คุณอาจจะอยากใช้มันทำโปรเจคทุกอย่างที่คุณได้รับมอบหมายมา แต่สำหรับผมที่เริ่มชีวิตโปรแกรมเมอร์ด้วย JavaScript, C++, C, Java, VB, php ตามลำดับ เมื่อมาเรียน Syntax ของภาษา Ruby ทำให้เรียนยากมาก จะเขียนอะไรแต่ละอย่างก็ต้อง search google เพราะว่า Syntax ของมันเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์จริงๆ พวก Geek มักจะชอบพูดเสมอว่า
โอเคครับ! ผมไม่เถียง เพราะเป็นเรื่องจริงครับ แต่ไอ้เพราะ 1 line of codes นี่แหละ ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันทำอะไร ผมวัด Complexity ของ Code ที่ซ่อนอยู่ไม่ได้ ไม่รู้เลยว่ามันมีประสิทธิภาพหรือเปล่า? แต่ Geek ทั้งหลายก็บอกว่ามันดีแล้วนะครับ ผมก็คงเถียงท่านๆเหล่านั้นไม่ได้
เทอมการศึกษานี้ผมมีโปรเจคที่เป็น Web Application อยู่สามชิ้นครับ
ชิ้นแรกเป็นงานกลุ่มครับ ต้องใช้ Ruby on Rails ครับ(เลือกไม่ได้ คือ จริงๆเลือกได้ครับ แต่ต้องใช้ Ruby on Rails ครับ เพราะเป็น Social norm ไปแล้ว) ปัญหาเยอะมาก เพราะคนในกลุ่มรวมถึงผมด้วย ไม่มีใครชำนาญ Ruby เลยสักคน จะทำอะไรทีก็เสียเวลาสุดๆ
ชิ้นที่สองเป็นโปรเจคกลุ่มอีกเหมือนกันครับ แต่บังเอิญโค้ดเป็นอยู่คนเดียว เลยเลือกใช้ php ครับ เพราะกว่าจะเรียนรู้ Ruby ให้กระจ่างพอเอาไปเขียนโปรเจค(ให้ดี)ได้ ก็อีกนานครับ เลย Deadline ส่งงานพอดี โปรเจคนี้เน้นการใช้ Database ครับ ไม่เน้นเว็บ
โปรเจคสุดท้าย ต้องเีขียนโปรแกรมดึงข้อมูลออกมาจากเว็บครับ เป็นงานกลุ่มอีกเช่นกัน มีเวลาสองอาทิตย์ เลือกใช้ JSP Servlet ครับ เพราะทุกคนในกลุ่มชำนาญ Java ยิ่งนัก ประกอบกับเวลาที่สั้นมากเลยตัดสินใจใช้ภาษานี้ครับ
เวลาที่ผมเลือกเทคโนโลยีที่มาใช้ทำโปรเจค ผมจะคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ครับ
Geek ในความหมายของผมคือ เป็นผู้ที่คลั่งไคล้ิสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอย่างมาก เป็นผู้ที่พยายามศึกษาสิ่งนั้นให้ละเอียดที่สุด เป็นผู้ที่พยายามชักชวนผู้อื่นให้คลั่งไคล้สิ่งนั้นเหมือนตนเอง และสิ่งนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา ใครมาว่าไม่ได้เลยนะครับ คนพวกนี้จะพยายามหาข้อดีมากลบข้อเสียของสิ่งนั้นๆซะหมด ไปเถียงเขาอย่างไรก็ไม่ชนะหรอกครับ
อธิบายเรื่อง Geek ยาวไปแล้ว บางท่านอาจจะถามผมว่า ลองยกตัวอย่าง "สิ่งนั้น" ที่ผมพูดถึงมาหน่อย....ได้ครับ สมมุติว่าสิ่งนั้นคือภาษาโปรแกรมใหม่ภาษาหนึ่ง ยกตัวอย่างไอ้ที่มันแรงๆตอนนี้ละกันครับ Ruby on Rails
ผมมีโอกาสได้ศึกษา Ruby on Rails เพื่อพัฒนา Web Application มาได้สักระยะแล้วครับ ผมพบว่ามันเป็นภาษาที่มี Architecture ที่ดีมากครับ โครงสร้างของโค้ด Ruby ที่คุณเขียนจะเป็น MVC (Model-View-Control) โดยอัตโนมัติครับ(หรือจะเรียกว่าโดยบังคับดี?) ส่วนโครงสร้างของภาษาก็เข้าใจง่ายครับ ประมาณว่า อาม่าของผมก็อ่านโค้ดง่ายๆ พอเข้าใจว่ามันทำอะไร ถ้าจะให้ยกตัวอย่างนะครับโค้ด Ruby บรรทัดเดียวอาจจะมีความหมายเท่ากับโค้ด php 5 บรรทัดหรือมากกว่า บางคนเคยเขียนภาษาที่ใช้พัฒนา Web Application อื่นๆ มาก่อน เช่น php, jsp, asp เป็นต้น พอได้มาสัมผัสกับ Ruby on Rails ส่วนมากก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
"โอ้! Ruby ดีจังเรย โค้ดเป็นสัดเป็นส่วนดี โครงสร้างก็เยี่ยม ทำไมเมื่อก่อนเราถึงได้ใช้ php ที่แสนจะอัปลักษณ์ทำเว็บนะ รู้สึกแย่จริงๆ"
จุดมันอยู่ตรงนี้ครับ อะไรที่เป็นตัวตัดสินว่าภาษาไหนแย่กว่ากันครับ? ทำไมคนถึงคิดว่า Ruby on Rails ดีกว่า php ล่ะ สมมุตินะครับ...แค่สมมุตินะ ถ้าคนเราเริ่มเรียน Ruby on Rails ก่อน php ล่ะ จะบอกว่า php ง่ายกว่าไหม? ดีกว่าหรือเปล่า? พวก Ruby Geek ทั้งหลายก็คงบอกว่า "ไม่" สินะครับ นั่นนะสินะ พวกคุณเป็น Ruby Geek นี่ ผมจะเถียงคุณได้อย่างไรเล่าครับ...จริงไหม?
จริงๆถ้าผมเรียน Ruby ก่อน php นะครับ ตามความรู้สึกผม ผมอาจจะคิดว่า php เป็นภาษาที่ไร้สาระก็ได้ แต่ผมก็ไม่ลืมนะครับว่าภาษาแรกที่สอนการส่ง http request แบบ GET กับ POST ให้ผมก็ php นี่แหละ...เอาล่ะครับ ขอกลับมาเรื่องเดิมก่อน ผมแค่อยากจะบอกว่าเมื่อคุณเรียน Ruby ไปแล้วมีความรู้สึกว่า Ruby มันดี php มันแย่ เมื่อไร นั่นหมายความว่าสิ่งที่พัฒนาขึ้นไม่ใช่ Ruby ครับ แต่เป็นตัวคุณต่างหาก! หากให้คุณกลับไปเขียน php ที่คุณเคยเขียนเมื่อหลายปีก่อนใหม่อีกรอบ คุณก็คงไม่เขียนแบบเดิมแล้วใช่ไหมครับ? ส่วนเด็กๆที่หัดเขียนโปรแกรมโดยใช้ Ruby เป็นภาษาแรก เค้าก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันดีกว่ายังไง หรือ MVC คืออะไร
ผมยอมรับนะครับว่าเมื่อคุณเข้าใจ Ruby on Rails ในระดับหนึ่ง คุณอาจจะอยากใช้มันทำโปรเจคทุกอย่างที่คุณได้รับมอบหมายมา แต่สำหรับผมที่เริ่มชีวิตโปรแกรมเมอร์ด้วย JavaScript, C++, C, Java, VB, php ตามลำดับ เมื่อมาเรียน Syntax ของภาษา Ruby ทำให้เรียนยากมาก จะเขียนอะไรแต่ละอย่างก็ต้อง search google เพราะว่า Syntax ของมันเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์จริงๆ พวก Geek มักจะชอบพูดเสมอว่า
"Ruby can do that just in 1 line of codes."
โอเคครับ! ผมไม่เถียง เพราะเป็นเรื่องจริงครับ แต่ไอ้เพราะ 1 line of codes นี่แหละ ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันทำอะไร ผมวัด Complexity ของ Code ที่ซ่อนอยู่ไม่ได้ ไม่รู้เลยว่ามันมีประสิทธิภาพหรือเปล่า? แต่ Geek ทั้งหลายก็บอกว่ามันดีแล้วนะครับ ผมก็คงเถียงท่านๆเหล่านั้นไม่ได้
เทอมการศึกษานี้ผมมีโปรเจคที่เป็น Web Application อยู่สามชิ้นครับ
ชิ้นแรกเป็นงานกลุ่มครับ ต้องใช้ Ruby on Rails ครับ(เลือกไม่ได้ คือ จริงๆเลือกได้ครับ แต่ต้องใช้ Ruby on Rails ครับ เพราะเป็น Social norm ไปแล้ว) ปัญหาเยอะมาก เพราะคนในกลุ่มรวมถึงผมด้วย ไม่มีใครชำนาญ Ruby เลยสักคน จะทำอะไรทีก็เสียเวลาสุดๆ
ชิ้นที่สองเป็นโปรเจคกลุ่มอีกเหมือนกันครับ แต่บังเอิญโค้ดเป็นอยู่คนเดียว เลยเลือกใช้ php ครับ เพราะกว่าจะเรียนรู้ Ruby ให้กระจ่างพอเอาไปเขียนโปรเจค(ให้ดี)ได้ ก็อีกนานครับ เลย Deadline ส่งงานพอดี โปรเจคนี้เน้นการใช้ Database ครับ ไม่เน้นเว็บ
โปรเจคสุดท้าย ต้องเีขียนโปรแกรมดึงข้อมูลออกมาจากเว็บครับ เป็นงานกลุ่มอีกเช่นกัน มีเวลาสองอาทิตย์ เลือกใช้ JSP Servlet ครับ เพราะทุกคนในกลุ่มชำนาญ Java ยิ่งนัก ประกอบกับเวลาที่สั้นมากเลยตัดสินใจใช้ภาษานี้ครับ
เวลาที่ผมเลือกเทคโนโลยีที่มาใช้ทำโปรเจค ผมจะคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ครับ
- ความชำนาญของตนเองและเพื่อนร่วมทีม
- เวลาที่ใช้ในการเรียนรู้เืทคโนโลยีใหม่
- ระยะเวลาในการทำโปรเจค
- การสนับสนุน (เช่น help support)
- โปรเจคจะไป Deploy ที่ environment แบบไหน (Hosting ส่วนมากในไทยไม่ Host Ruby นะครับ ถ้าทำเว็บที่ใช้ในประเทศไทยแล้วไป Host ที่เมืองนอก บอกได้เลยว่าดับครับ ดับ!)
- อายุและความสำคัญของงาน (งานที่มีอายุสั่น ไม่ต้อง Maintainance ไม่ใช่ Critical System ก็ไม่ต้องไปลงแรงกับมันมากครับ)
- ความต้องการของลูกค้า
- ความเข้ากันได้ของ 3rd party Plugins ต่างๆ
สุดท้ายผมเชื่อเสมอนะครับว่า
คนส่วนมากจะตามกระแสและยัดเยียดเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้ในโปรเจคทั้งๆ ที่ไม่พร้อม แต่คนฉลาดจะเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับโปรเจคนั้นๆ
...จบครับ...
Code Review vs. Code Inspection
We have been heard of Code Inspection and Code Review from software engineering theory. These two terms sound similar to each other but actually have different aspect as
Code Inspection is focused on verifying your source code corresponds to coding standard, rules, and guidelines.
Code Review aims to finding defects, bugs, and refactoring the code.
Code Inspection is focused on verifying your source code corresponds to coding standard, rules, and guidelines.
Code Review aims to finding defects, bugs, and refactoring the code.
To those who love Ruby on Rails
"I admire the hell out of the Rails core gang that actually understand every line inside Rails itself. But I don’t. And I’m sure I will never use 90% of it.
With my little self-made system, every line is only what’s absolutely necessary. That makes me extremely happy and comfortable."
Found this quote from http://www.oreillynet.com/ruby
Shorter code != Better program
With my little self-made system, every line is only what’s absolutely necessary. That makes me extremely happy and comfortable."
Found this quote from http://www.oreillynet.com/ruby
Shorter code != Better program
Why Windows is better than Linux?
Found a good article....just moment ago
Here is why Windows is better than Linux(e.g.Ubuntu).
The truth is Windows has driven the world going.
Here is why Windows is better than Linux(e.g.Ubuntu).
- Installing programs is easy with windows because there is a standard. Try installing VLC and you'll see what I mean.
- Anytime you try to install or change something on your own computer you have to type a password. And god forbid you run the program in root, then you get every warning that exists.
- Installing anything good in Linux requires an entire weekend ending up in learning how to reinvent the wheel.
- To truly use any Linux distribution your going to have to either take classes in how Linux works or spend time reading a lot of books and forums.
The truth is Windows has driven the world going.
สัญลักษณ์ i'm บน Windows Live Messenger
i’m is a new initiative from Windows Live™ Messenger. Every time you start a conversation using i’m, Microsoft shares a portion of the program's advertising revenue with some of the world's most effective organizations dedicated to social causes. We've set no cap on the amount we'll donate to each organization. The sky's the limit. So any time you have an i’m™ conversation using Windows Live Messenger, you help address the issues you feel most passionate about, including poverty, child protection, disease, and environmental degradation. It's simple. All you have to do is join and start an instant messaging conversation. We'll handle the donation.
คือไม่เคยสนใจจนกระทั่งวันนี้ครับ สรุปความหมายจากย่อหน้าข้างบนน่ะครับ คือเมื่อคุณเล่น windows live messenger แล้วคุณใส่สัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นในส่วนของ display name ของคุณ Microsoft ก็จะเอากำไรส่วนหนึ่งของค่าโฆษณาที่ได้ มาบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่คุณได้เลือกไว้ครับ
วิธีใส่ i'm หน้าชื่อ display ก็แสนจะง่ายครับ ขั้นแรกเรามาดูโค้ดกันก่อน
Text Code Cause
*red+u American Red Cross
*bgca Boys & Girls Clubs of America
*naf National AIDS Fund
*mssoc National Multiple Sclerosis Society
*9mil ninemillion.org
*sierra Sierra Club
*help StopGlobalWarming.org
*komen Susan G. Komen for the Cure
*unicef The US fund for UNICEF
สมมุติว่าผมต้องการบริจาคให้ National AIDS Fund ผมก็ตั้งชื่อ display ของผมว่า
*naf Nopash
ก็จะเห็นเป็น
i'm Nopash ครับ
ทีนี้พอผม Online ขึ้นมา รายได้ส่วนหนึ่งจากค่าโฆษณาที่ MS ได้ก็จะไปบริจาคให้ National AIDS Fund แล้วล่ะครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขนะครับ
PHP Class Structure
โพสเก็บไว้ เผื่อใช้อ้างอิงตอนหลัง PHP class structure ครับ
Now, at first glance this looks pretty simple. And you know what? It is. Its just basic PHP code wrapped into a class. Let me point a few things out before we go any farther though.
VAR -
All variables declared in the class must be placed at the top of the class structure, and preceeded with the VAR statement.
$THIS -
$this is a variable that incidates the current object. That way, the object knows how to find itself while running functions contained within it.
For instance, $this->Keywords gets the data from the $Keywords variable in the object. You'll also notice that when using variables contained
within a class, you can't use the $ to reference them - But you have to use it to reference the object itself.
class Page {
var $Title;
var $Keywords;
var $Content;
function Display( ) {
echo "\n\n";
$this->DisplayTitle( );
$this->DisplayKeywords( );
echo "\n\n\n";
echo $this->Content;
echo "\n\n\n";
}
function DisplayTitle( ) {
echo "<title>" . $this->Title . "</title>\n";
}
function DisplayKeywords( ) {
echo '<meta name="keywords" content="">. $this->Keywords . '">';
}
function SetContent( $Data ) {
$this->Content = $Data;
}
}
VAR -
All variables declared in the class must be placed at the top of the class structure, and preceeded with the VAR statement.
$THIS -
$this is a variable that incidates the current object. That way, the object knows how to find itself while running functions contained within it.
For instance, $this->Keywords gets the data from the $Keywords variable in the object. You'll also notice that when using variables contained
within a class, you can't use the $ to reference them - But you have to use it to reference the object itself.
โรคที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ Qwerty Tummy
ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้คนยุคสมัยนี้ ถึงแม้จะให้คุณอนันต์ แต่ว่าคอมพิวเตอร์ก็มีโทษเหมือนกัน ล่าสุดที่ทำให้ตกใจกันทั่วคือ เมื่อนักวิจัยชาวอังกฤษได้ทำการศึกษาและพบว่า คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์นั้น เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียอันตราย มากกว่าโถสุขภัณฑ์ถึง 5 เท่า!!! และทำให้ผู้ใช้ท้องเสียโดยไม่รู้ตัว ไม่เพียงเท่านั้นยังมีอีกหลายโรคที่เกิดเพราะคอมพิวเตอร์
* ท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด
โรคที่ตั้งชื่อตามตัวอักษรชุดแรกบนแป้นคีย์บอร์ดว่า Qwerty Tummy อาจระบาดในที่ทำงานได้ หากว่าแป้นคีย์บอร์ดมีแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ และผู้ใช้รับประทานอาหารไปพร้อมกับใช้งานคีย์บอร์ดเครื่องคอมพ์ด้วย
การ ศึกษาครั้งนี้ แสดงว่าคีย์บอร์ดเป็นแหล่งเพาะแบคทีเรียที่น่ากลัวด้วยคนทำงาน 1 ใน 10 ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ด และ 20% ไม่เคยทำความสะอาดเมาส์ ขณะที่ 50% ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ดภายในเวลาหนึ่งเดือน นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบการทำงานสมัยใหม่ ที่พนักงานต้องย้ายโต๊ะทำงานไปเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาไม่มีทางรู้ว่า ใครใช้คีย์บอร์ดที่กำลังใช้อยู่และใช้งานอย่างไรบ้าง
ทางแก้ไขคือ
ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จึงควรทำทั้งที่บ้านและที่ทำงานควรทำความสะอาดคีย์บอร์ดเป็นประจำไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
วิธีการคือ
ทำความสะอาดด้วยผ้าเนื้อนุ่มชุบน้ำหมาดๆ ที่สำคัญคือ อย่าลืมถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ก่อน
โรคอื่นๆ อีกมากมาย
คอมพิวเตอร์จะไม่เป็นอันตราย หากว่าคุณไม่ใช้มันจนติดเป็นนิสัย ซึ่งหมายความว่า นั่งจมจ่อมอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เกือบจะตลอดวันและทุกวัน คนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ้างเป็นบางครั้งคราวย่อมไม่ได้เจ็บป่วยเพราะคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละคนก็จะได้รับผลกระทบจากเครื่องใช้ไฮเทคนี้มาก-น้อยช้า-เร็วไม่เหมือนกัน หลายๆ อาการเจ็บป่วยจากคอมพิวเตอร์นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เรารู้กันดี แต่บางครั้งก็หลงลืม ลองมาทบทวนกันดูหน่อยดีไหม
ปวดตา :
เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ตาต้องจ้องจอสว่างๆ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพสายตา จึงควรระวังแสงที่จะส่องตรงมาโดยเฉพาะแสงจากด้านหลังของจอคอมพิวเตอร์ ควรให้แสงเข้ามาด้านข้าง (ด้านขวาก็จะดี) ถ้าเป็นไปได้ให้ติดแผ่นป้องกันรังสี รวมทั้งปรับความสว่างของจอให้เหมาะสมกับดวงตา การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ไม่เพียงทำให้เกิดอาการปวดตาเท่านั้น แต่อาจเป็นสาเหตุของโรคต้อหินในอนาคตด้วย โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่สายตาสั้น นอกจากนี้ จอคอมพิวเตอร์ที่สั่นไหวหรือเป็นคลื่นนั้นควรจะยกไปซ่อมซะ ควรละสายตาจากจอบ้างเป็นครั้งเป็นคราวกะพริบตาเป็นระยะ เพราะดวงตาของคุณต้องการความชุ่มชื้น
โรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ :
ปรับ ระดับความสูงของเก้าอี้หรือโต๊ะที่วางคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ข้อศอกอยู่ในมุม 90-100 องศา วางคีย์บอร์ดให้เหมาะ เวลาใช้คีย์บอร์ดจะได้ไม่ต้องงอมือให้อยู่ในท่าที่ไม่สะดวกสบาย ควรวางข้อมือบนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ดถ้าหากจำเป็น ควรพิมพ์คีย์บอร์ดและใช้เมาส์อย่างเบามือ ถ้ามีเวลาก็ออกกำลังกายข้อมือและนิ้วบ้างหากสามารถทำงานด้วยวิธีการอื่นโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะและทำซะ
หรือจะซื้อแบบผมมาใช้ก็ได้นะ Microsoft Natural Ergonomic Desktop 7000
ปวดคอและหลัง :
สำรวจ ท่านั่งเวลาทำงานของตัวเอง ควรนั่งตัวตรง ห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 18-24 นิ้ว เก้าอี้ที่ดีควรจะมีล้อ สามารถปรับพนักพิงได้ และต้องมีที่วางแขน โต๊ะควรจะมีพื้นที่ว่างสำหรับวางเครื่องมืออื่นๆ ในการทำงาน
และสุดท้ายที่อยากตระหนักกันให้มากคือ อันตรายคลื่นลูกใหม่ที่มาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและหลอดภาพของจอคอมพิวเตอร์เมื่อ เราเปิดเครื่องใช้ก็จะมีรังสีแผ่ออกมา จึงไม่ควรนั่งใกล้จอเกินไป โดยเฉพาะเวลาใช้แล็ปท็อปซึ่งทำให้เราต้องนั่งใกล้เครื่องมากกว่าพีซีถ้าเป็นไปได้ให้ใช้แผ่นป้องกันรังสี หรือเลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ที่ไม่แผ่พลังรังสีไฟฟ้าออกมา แม้ราคาจะแพงกว่า แต่ปลอดภัยกว่าหากไม่ใช้เครื่องก็ควรปิด โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในห้องนอน
รู้แล้วก็ลงมือทำซะวันนี้ ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะไม่ฆ่าเราทันทีทันใดแต่คงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า ถ้าเราไม่เสี่ยงกับการเกิดโรคภัยเหล่านี้เพื่อนๆที่ใช้คอมพิวเตอร์ทุกวัน ต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาด พักสายตา ยืดเส้นยืดสาย ขยับร่างกายกันบ้างนะครับ ไม่งั้นโรคถามหาแน่นอน
เอามาจาก Posttoday
ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ
* ท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด
โรคที่ตั้งชื่อตามตัวอักษรชุดแรกบนแป้นคีย์บอร์ดว่า Qwerty Tummy อาจระบาดในที่ทำงานได้ หากว่าแป้นคีย์บอร์ดมีแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ และผู้ใช้รับประทานอาหารไปพร้อมกับใช้งานคีย์บอร์ดเครื่องคอมพ์ด้วย
การ ศึกษาครั้งนี้ แสดงว่าคีย์บอร์ดเป็นแหล่งเพาะแบคทีเรียที่น่ากลัวด้วยคนทำงาน 1 ใน 10 ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ด และ 20% ไม่เคยทำความสะอาดเมาส์ ขณะที่ 50% ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ดภายในเวลาหนึ่งเดือน นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบการทำงานสมัยใหม่ ที่พนักงานต้องย้ายโต๊ะทำงานไปเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาไม่มีทางรู้ว่า ใครใช้คีย์บอร์ดที่กำลังใช้อยู่และใช้งานอย่างไรบ้าง
ทางแก้ไขคือ
ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จึงควรทำทั้งที่บ้านและที่ทำงานควรทำความสะอาดคีย์บอร์ดเป็นประจำไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
วิธีการคือ
ทำความสะอาดด้วยผ้าเนื้อนุ่มชุบน้ำหมาดๆ ที่สำคัญคือ อย่าลืมถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ก่อน
โรคอื่นๆ อีกมากมาย
คอมพิวเตอร์จะไม่เป็นอันตราย หากว่าคุณไม่ใช้มันจนติดเป็นนิสัย ซึ่งหมายความว่า นั่งจมจ่อมอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เกือบจะตลอดวันและทุกวัน คนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ้างเป็นบางครั้งคราวย่อมไม่ได้เจ็บป่วยเพราะคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละคนก็จะได้รับผลกระทบจากเครื่องใช้ไฮเทคนี้มาก-น้อยช้า-เร็วไม่เหมือนกัน หลายๆ อาการเจ็บป่วยจากคอมพิวเตอร์นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เรารู้กันดี แต่บางครั้งก็หลงลืม ลองมาทบทวนกันดูหน่อยดีไหม
ปวดตา :
เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ตาต้องจ้องจอสว่างๆ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพสายตา จึงควรระวังแสงที่จะส่องตรงมาโดยเฉพาะแสงจากด้านหลังของจอคอมพิวเตอร์ ควรให้แสงเข้ามาด้านข้าง (ด้านขวาก็จะดี) ถ้าเป็นไปได้ให้ติดแผ่นป้องกันรังสี รวมทั้งปรับความสว่างของจอให้เหมาะสมกับดวงตา การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ไม่เพียงทำให้เกิดอาการปวดตาเท่านั้น แต่อาจเป็นสาเหตุของโรคต้อหินในอนาคตด้วย โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่สายตาสั้น นอกจากนี้ จอคอมพิวเตอร์ที่สั่นไหวหรือเป็นคลื่นนั้นควรจะยกไปซ่อมซะ ควรละสายตาจากจอบ้างเป็นครั้งเป็นคราวกะพริบตาเป็นระยะ เพราะดวงตาของคุณต้องการความชุ่มชื้น
โรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ :
ปรับ ระดับความสูงของเก้าอี้หรือโต๊ะที่วางคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ข้อศอกอยู่ในมุม 90-100 องศา วางคีย์บอร์ดให้เหมาะ เวลาใช้คีย์บอร์ดจะได้ไม่ต้องงอมือให้อยู่ในท่าที่ไม่สะดวกสบาย ควรวางข้อมือบนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ดถ้าหากจำเป็น ควรพิมพ์คีย์บอร์ดและใช้เมาส์อย่างเบามือ ถ้ามีเวลาก็ออกกำลังกายข้อมือและนิ้วบ้างหากสามารถทำงานด้วยวิธีการอื่นโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะและทำซะ
หรือจะซื้อแบบผมมาใช้ก็ได้นะ Microsoft Natural Ergonomic Desktop 7000
ปวดคอและหลัง :
สำรวจ ท่านั่งเวลาทำงานของตัวเอง ควรนั่งตัวตรง ห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 18-24 นิ้ว เก้าอี้ที่ดีควรจะมีล้อ สามารถปรับพนักพิงได้ และต้องมีที่วางแขน โต๊ะควรจะมีพื้นที่ว่างสำหรับวางเครื่องมืออื่นๆ ในการทำงาน
และสุดท้ายที่อยากตระหนักกันให้มากคือ อันตรายคลื่นลูกใหม่ที่มาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและหลอดภาพของจอคอมพิวเตอร์เมื่อ เราเปิดเครื่องใช้ก็จะมีรังสีแผ่ออกมา จึงไม่ควรนั่งใกล้จอเกินไป โดยเฉพาะเวลาใช้แล็ปท็อปซึ่งทำให้เราต้องนั่งใกล้เครื่องมากกว่าพีซีถ้าเป็นไปได้ให้ใช้แผ่นป้องกันรังสี หรือเลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ที่ไม่แผ่พลังรังสีไฟฟ้าออกมา แม้ราคาจะแพงกว่า แต่ปลอดภัยกว่าหากไม่ใช้เครื่องก็ควรปิด โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในห้องนอน
รู้แล้วก็ลงมือทำซะวันนี้ ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะไม่ฆ่าเราทันทีทันใดแต่คงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า ถ้าเราไม่เสี่ยงกับการเกิดโรคภัยเหล่านี้เพื่อนๆที่ใช้คอมพิวเตอร์ทุกวัน ต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาด พักสายตา ยืดเส้นยืดสาย ขยับร่างกายกันบ้างนะครับ ไม่งั้นโรคถามหาแน่นอน
เอามาจาก Posttoday
ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ
Find out who gives away your email address with Gmail trick
When you give your email address to a website, you hope that they don't sell or trade your address to a bunch of spammers. Well if they do, here is a simple way to see what sites are responsible for what particular piece of email. This requires you have a Gmail account.
If your Gmail login name was username@gmail.com and you went to samplesite.com to fill out a registration form, instead of just entering username@gmail.com as your email, enter it as username+samplesitecom@gmail.com instead. When Gmail sees a "+" in an email address, it uses all the characters to the left of the plus sign to know who to send it to. In this example it would still send it to username@gmail.com.
Now whats cool is if you search Gmail for username+samplesitecom, you will see all massages that were sent to that email address.
To see who is responsible for sending a specific message click the Show Details link and you will see the complete address.
info:http://www.ditii.com
Gmail login access URLs
Gmail login access URLs:
- http://www.gmail.com/ – The public Gmail domain which is for universal access on PC or mobile device. Although the page is non-SSL, the login process is secured.
- https://www.gmail.com/ – The Gmail SSL universal login page for computer or mobile browsers.
- http://mail.google.com/mail/ – Gmail canonical URI which is the URI you most likely to see after login to Gmail webmail interface. This URL can be used on PC as well as portable mobile phone devices. It becomes simple HTML mode depending on the browser used to access it.
- https: //mail.google.com/mail/ – Same as above, but the secure SSL version.
- http://gmail.google.com/gmail/ – Old canonical URI.
- https://gmail.google.com/gmail/ – Old canonical secure SSL URI.
- https://mail.google.com/mail/?nocheckbrowser – Force Gmail to load in standard interface without checking for the type of web browser. Normally Gmail will check for supported browser, and if none is found, it will automatically load with simple Basic HTML interface mode.
- http://gmail.google.com/gmail?nocheckbrowser – Old URI or link location of the above.
- https://mail.google.com/mail/?nochat – Force Gmail to load in Standard Gmail interface without chat services.
- https://gmail.google.com/gmail/?nochat – Old URL of the above.
- http://mail.google.com/mail/h/ – Simple or Basic HTML mode.
- https://mail.google.com/mail/h/ – Secure SSL Gmail webmail that automatically load into Basic HTML interface.
- http://m.gmail.com – Link for Gmail Mobile interface optimized for portable wireless phone devices or PDA.
- http://mail.google.com/mail/x/ – Another link URL for mobile wireless devices.
- https://mail.google.com/mail/x/ – Secure SSL edition of the above link.
- https://mail.google.com/mail/feed/atom/ – Gmail inbox feed URL for reading with Atom Feed or RSS reader.
- Gmail for mobile devices or mobile phones – A Java client app that downloaded to mobile devices and provides advance Gmail user interface, synchronization of emails in mailboxes, and ability to view attachments such as photos, documents and .pdf files.
- Gmail also allows POP3 and SMTP access by using desktop email clients.
ออราเคิลครองอันดับ 1 ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ในประเทศไทย
"ออราเคิลเป็นระบบฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด” ริคกี้ คาเปอร์ ผู้อำนวยการอาวุโส หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีของออราเคิล อาเซียน กล่าว ”ลูกค้าจากบริษัททุกขนาดเลือกใช้ระบบฐานข้อมูลของออราเคิลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการข้อมูลซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
ไอดีซีระบุว่า ออราเคิลครองอันดับ 1 ในตลาดซอฟต์แวร์การจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Management - RDBMS) สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มบี) และองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทย โดยครองส่วนแบ่งตลาด 51% และ 48% ตามลำดับ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 ในแง่ของรายได้จากซอฟต์แวร์
ไอดีซีรายงานว่า ส่วนแบ่งตลาดของออราเคิลยังคงสูงกว่าส่วนแบ่งตลาดที่รวมกันของคู่แข่งสองรายที่ครองอันดับ 2 และ 3 ในส่วนของตลาดองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551
องค์กรทุกขนาดในกลุ่มอุตสา หกรรมหลักๆ เช่น การผลิต ค้าปลีก การแพทย์ ขนส่ง สื่อสาร บริการด้านการเงิน น้ำมันและพลังงาน หน่วยงานราชการ และการศึกษา ยังคงเลือกใช้หรือขยายการใช้งานระบบฐานข้อมูลของออราเคิลเพื่อขับเคลื่อนแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ทางด้านธุรกิจ
Source: http://www.oracle.com/database/index.html
ไอดีซีระบุว่า ออราเคิลครองอันดับ 1 ในตลาดซอฟต์แวร์การจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Management - RDBMS) สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มบี) และองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทย โดยครองส่วนแบ่งตลาด 51% และ 48% ตามลำดับ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 ในแง่ของรายได้จากซอฟต์แวร์
ไอดีซีรายงานว่า ส่วนแบ่งตลาดของออราเคิลยังคงสูงกว่าส่วนแบ่งตลาดที่รวมกันของคู่แข่งสองรายที่ครองอันดับ 2 และ 3 ในส่วนของตลาดองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551
องค์กรทุกขนาดในกลุ่มอุตสา หกรรมหลักๆ เช่น การผลิต ค้าปลีก การแพทย์ ขนส่ง สื่อสาร บริการด้านการเงิน น้ำมันและพลังงาน หน่วยงานราชการ และการศึกษา ยังคงเลือกใช้หรือขยายการใช้งานระบบฐานข้อมูลของออราเคิลเพื่อขับเคลื่อนแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ทางด้านธุรกิจ
Source: http://www.oracle.com/database/index.html
Oracle มันโตไวจริงๆเนอะ...
วิธีแก้ "ATI Catalyst Install Manager has stopped working"
เมื่อวันก่อนผมได้ Update ผ่าน System Update ครับ ปรากฎว่ามี Driver ของ ATI ตัวใหม่เข้ามาสำหรับ
- ThinkPad R400
- ThinkPad T400, T500
- ThinkPad W500
ชื่อเต็มๆของมันก็คือ ThinkPad Switchable Graphics Driver for Windows Vista 32bit and 64bit - ThinkPad T400, R400, T500, W500 ครับ
ขนาดไฟล์ 143MB
เนื่องจาก Lenovo System Update มัน Download ได้เฉี่อยมากๆๆๆ ผมเรยไปโหลดมาจากตัวแม่เรยครับที่
เข้าไปแล้วโหลดตัว
7vd537ww.exe 150,310,720 ThinkPad Switchable Graphics Driver
จากนั้นให้ Double clicks ที่ไฟล์ที่โหลดมา เครื่องจะ extract file download ไปไว้ที่ C:\Drivers\win\video
ตามเข้า Folder นั้นไปเรยครับ แล้วลอง Double Clicks ที่ Setup.exe
มันก็จะขึ้นว่าให้ปิดโปรแกรมทุกอย่างก่อนครับ หลังจากนั้นมันจะมีให้เลือกว่า Install หรือ Uninstall พอผมกด Install(หรือ Uninstall).......
มีหน้าต่างขึ้นว่า
"ATI Catalyst Install Manager has stopped working"
อ่าว ซวยล่ะสิ ลองใหม่อีกทีก็ไม่ได้ ส่วนตัวผมก็เคยได้ยินว่าการอัพ Driver ATI เป็นเรื่องยุ่งยากเหมือนกัน จากนั้นผมก็เข้าห้องสมุดไปค้นคว้า มันมีวิธีแก้ 2 วิธีครับ
วิธีที่ 1
ลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ATI บนเครื่องไปให้หมด รวมไปถึงใน Registry ด้วย ใช้โปรแกรม "Windows Install Clean up" กับ CCleaner ช่วยในการ uninstall จากนั้นลองกด setup.exe ใหม่ครับ ถ้าลบหมดจดจริงๆ จะสามารถติดตั้งได้นะครับ
วิธีที่ 2 (แนะนำ)
วิธีนี้ง่ายมากๆๆๆ ผมไปพบจาก Blog ของชาวรัสเซียท่านหนึ่ง (http://pitjunja.livejournal.com/26898.html) โดยบังเอิญครับ เค้าบอกวิธีแก้มาดังนี้
1. ท่านต้องเป็น admin ของเครื่อง
2. run -> cmd
3. ไปที่ ATI Driver folder ที่ถูก extract มาครับ (ของผมอยู่ที่ C:\Drivers\win\video)
4. เข้าไปที่ folder bin (C:\Drivers\win\video>cd Bin)
5. พิมพ์ตามนี้ครับ
C:\Drivers\win\video\Bin>atisetup.exe -Install -Output screen
ถ้าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี Driver ATI เจ้าปัญหาจะลงได้ครับ อย่าลืม Restart เครื่องด้วยเน้อ
Happy New Year ครับ
IBM Next Five in Five
โอย เป็นไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้อัพบล็อคเรยครับ ขอโทษที วันนี้ไปเจอเรื่องนวัตกรรมในอนาคตมาครับ เรยเอามาแปะให้อ่านกัน
IBM เปิดเผยรายงานประจำปี “IBM Next Five in Five” ระบุถึงนวัตกรรมสำคัญ ที่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน และการใช้ชีวิตในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ
IBM เปิดเผยรายงานประจำปี “IBM Next Five in Five” ระบุถึงนวัตกรรมสำคัญ ที่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน และการใช้ชีวิตในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้โดยอ้างอิงแนวโน้มตลาดและสังคมที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิต รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ จากห้องปฏิบัติการทั่วโลกของไอบีเอ็ม ซึ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เป็นจริง
เริ่มตั้งแต่ เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์รุ่นใหม่จะถูกติดตั้งไว้ตามพื้นถนน ผนังอาคาร และหน้าต่าง พลังงาน แสงอาทิตย์จะเป็นพลังงานทางเลือกที่มีราคาไม่แพง เนื่องจากการสร้างพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะทำผ่านเซลล์สุริยะแบบ “ฟิล์มบาง” (thin-film) ซึ่งเป็นชุดเซลล์สุริยะราคาประหยัด ที่มีความบางกว่าเซลล์สุริยะแบบแผ่นซิลิคอนถึง 100 เท่า และมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า
เซลล์สุริยะแบบฟิล์มบางนี้ถูก “พิมพ์” และจัดเรียงไว้บนแผงรองรับที่ยืดหยุ่น โดยนอกจากจะติดตั้งบนหลังคาแล้ว ยังติดตั้งไว้ที่ผนังด้านข้างของอาคาร หน้าต่าง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รถยนต์ และแม้กระทั่งเสื้อผ้า
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมที่ช่วยให้แพทย์สามารถพยากรณ์สุขภาพในอนาคตของผู้ป่วย ซึ่ง แพทย์จะสามารถนำเสนอแผนที่พันธุกรรมที่บอกได้ว่ามีแนวโน้มจะเผชิญกับความ เสี่ยงใด พร้อมวิธีการป้องกัน โดยอ้างอิงจากดีเอ็นเอของคนไข้ ด้วยค่าใช้จ่ายประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ การที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีจัดทำแผนที่จีโนมทั้งหมดของมนุษย์ เท่ากับเป็นการเผยความลับของพันธุกรรม และใช้ข้อมูลนี้ในการแนะนำการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตและการรักษา
ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ เรายังจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมที่เปิดทางนักท่องเว็บ พูดคุยโต้ตอบกับเว็บได้ “การเข้าชม” เว็บจะเปลี่ยนโฉมหน้า จะท่องอินเทอร์เน็ตแบบแฮนด์ฟรีที่ใช้เสียงแทนข้อความ โดยไม่ต้องใช้หน้าจอหรือคีย์บอร์ด
“บางประเทศ เช่น อินเดีย ภาษาพูดสำคัญมากกว่าเขียน ทำให้การพูดคุยกับเว็บ กำลังพัฒนาแซงหน้าอินเทอร์เฟซอื่นๆ และโทรศัพท์มือถือก็กำลังเข้ามาแทนที่พีซีด้วยการใช้งานเว็บไซต์เสียง (VoiceSite) ซึ่งสะดวกและเป็นประโยชน์ สำหรับคนที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และผู้ไม่รู้หนังสือได้”
นอกจากนี้ ผู้บริโภคในโลกอนาคตอันใกล้ จะผู้ช่วยช้อปปิ้งดิจิทัลส่วนตัว (Digital Shopping Assistant) ในห้องลองเสื้อ ซึ่ง ประกอบด้วย จอแบบทัชสกรีน และตู้บริการ (คีออส) ที่สั่งงานด้วยเสียง ซึ่งจะทำให้เลือกหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แบบครบชุด เมื่อเลือกสินค้าผ่านผู้ช่วยช้อปปิ้งดิจิทัล พนักงานขายจะได้รับแจ้งและรวบรวมสินค้าเพื่อส่งโดยตรง
รวมทั้งยังถ่ายภาพตัวเองในชุดต่างๆ และอีเมลหรือส่งเอสเอ็มเอส ภาพเหล่านั้นไปให้เพื่อนๆ เพื่อช่วยตัดสินใจ พร้อมเรียกดูเรตติ้งที่ลูกค้าอื่นได้ให้ความเห็นไว้รวมทั้งดาวน์โหลดคูปอง ส่วนลดสินค้าที่ต้องการซื้อ
ส่วนนวัตกรรมอันดับสุด ท้ายที่จะมาแรงช่วง 5 ปีจากนี้ คือ ความหลงลืมจะกลายเป็นเรื่องราวในอดีต รายละเอียด ในชีวิตประจำวัน จะบันทึก จัดเก็บ วิเคราะห์ และจัดเตรียมให้เมื่อถึงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม โดยอาศัยไมโครโฟน และกล้องวิดีโอ ซึ่งจะบันทึกบทสนทนาและกิจกรรม
จากนั้นจะจัดเก็บและวิเคราะห์โดย อัตโนมัติบนคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถ“จดจำ” ได้ทันทีถึงการพูดคุยสนทนาทางโทรศัพท์กับบุคคลในครอบครัวหรือแม้แต่กับแพทย์ ประจำตัว ทั้งช่วยเตือนความจำเวลาแวะซื้อของใช้หรือแวะซื้อยาตามใบสั่งเมื่อผ่านร้าน นั้นอีก
เอามาจาก http://get4free.biz/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2-5-%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B/ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ
The Sims 3 Coming in 2009!
ใครที่เป็นแฟนเกม The Sims พลาดไม่ได้เรยนะครับ ภาคนี้แตกต่างจากภาคก่อนๆ คือ ตัวละครสามารถเดินออกไปชมเมืองได้ครับต่างจากภาคเก่าๆที่อุดอู้อยู่แต่ในบ้านเพียงอย่างเดียว ภาพยนตร์ข้างบนเป็น Teasor(ตัวอย่างเกม) ครับ หลังจากที่ชมแล้วจะเห็นได้ว่าภาคนี้ตัวละครมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ได้ยินว่าสามารถปรับแต่งนิสัยกันได้ถึง 700 กว่าแบบเรยทีเดียว
เกม The Sims 3 นี้ ทาง EA ได้พัฒนากันถึง 3 ปีเรยทีเดียว แต่เนื่องจากสมัยก่อนคอมพิวเตอร์ยังไม่ค่อยเร็ว จึงทำให้ทางบริษัทตัดสินใจยังไม่วางจำหน่ายครับเพราะว่าเกมนี้ค่อนข้างจะกินทรัพยากรเครื่องมากเรยทีเดียว
นี่เป็น spec คร่าวๆของ The Sims 3 ครับ
ระบบปฏิบัติการ: Windows Vista, XP
ติดตั้งเกม: เดอะซิมส์ 3 สำหรับ Windows
หน่วยประมวลผล: 3.0 GHz ขึ้นไป
หน่วยความจำ: 2GB ขึ้นไป
ไดร์ฟเพิ่มเติม: ไดร์ฟ CD/DVD ความเร็ว 8x ขึ้นไป
ฮาร์ดดิสก์: พื้นที่ว่างอย่างน้อย 6GB ขึ้นไป
เสียง: รองรับ DirectX 9.0c
ระบบภาพ: รองรับ DirectX 9.0c และต้องมีหน่วยความจำอย่างน้อย 128 MB ขึ้นไป
NVIDIA GeForce 8 Series ขึ้นไป
ThinkPad T400 ของผมเล่นแล้วยังอาจจะกระตุกนะนี่ เพราะ CPU ของผม 2.4G เอง T-T แต่อย่างไรก็ตามครับ Laptop ไม่เหมาะสำหรับเอามาเล่นเกมอยู่แล้วครับ เพราะจะทำให้ชีวิตของมันสั้นลง
เกมนี้มีกระแสตอบรับมากพอสมควรทีเดียวครับจากผู้เล่นชาวไทย ทาง EA จะนำมาจำหน่ายประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ครับ อาจจะเป็นของขวัญวัน Valentine ให้ใครบางคนได้เรยทีเดียว(แต่ต้องมั่นใจนะว่า เครื่องของคุณเธอเล่นได้ เดี๋ยวได้โดนเขวี้ยงกลับ)
ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ
ปรับแต่ง about:config ของ Mozilla FireFox 3 ให้แรงๆ กันเถอะ
ปรับตามนี้รับรอง FireFox ของท่านจะเข้าเปิดเว็บได้เร็วขึ้นครับ บทความนี้มีเก็บไว้ในเครื่องนานแล้วครับ จำไม่ได้ว่าเอามาจากที่ใดเหมือนกันครับ จริงๆแล้วบทความนี้อ้างถึงการปรับแต่ง FireFox 1.5 ครับ แต่ version ปัจจุบันก็ยังคงใช้ได้อยู่ครับ
พิมพ์ about:config ที่ช่อง address bar แล้วกด enter จะเข้ามายังหน้าแบบรูปข้างบนครับ
วิธีการปรับแต่งคือให้ใส่ตัวแปรต่อไปนี้ ในช่อง Filter จากนั้นเมื่อ Firefox แสดงผลตัวแปรนั้นๆ ก็ให้ดับเบิ้ลคลิก แล้วแก้ไขเป็นค่าที่ต้องการ
แก้เป็น true [แต่เดิมเป็น false]
เสร็จแล้วก็ปิด FireFox แล้วเปิดใหม่ครับ คุณจะรู้สึกถึงความแตกต่าง อ่อ ส่วน Plug-in FasterFox ไม่ต้องไปลงมันนะครับ เพราะมันจะแอบโหลดเพจจากลิ้งค์ในหน้าที่คุณเปิดอยู่ กิน Bandwidth ครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ
พิมพ์ about:config ที่ช่อง address bar แล้วกด enter จะเข้ามายังหน้าแบบรูปข้างบนครับ
วิธีการปรับแต่งคือให้ใส่ตัวแปรต่อไปนี้ ในช่อง Filter จากนั้นเมื่อ Firefox แสดงผลตัวแปรนั้นๆ ก็ให้ดับเบิ้ลคลิก แล้วแก้ไขเป็นค่าที่ต้องการ
general.useragent.locale
ถ้าเป็น en-US ให้แก้เป็น th-TH
network.http.max-connections
แก้เป็น 64 [แต่เดิมเป็น 24 ]
network.http.max-connections-per-server
แก้เป็น 20 [แต่เดิมเป็น 8 ]
network.http.max-persistent-connections-per-proxy
แก้เป็น 10 [แต่เดิมเป็น 4 ]
network.http.max-persistent-connections-per-server
แก้เป็น 10 [แต่เดิมเป็น 2 ]
network.http.pipelining.maxrequests
แก้เป็น 200 [แต่เดิมเป็น 4 ]
network.http.request.max-start-delay
แก้เป็น 0 [แต่เดิมเป็น 10 ]
network.http.proxy.pipelining
แก้เป็น true [แต่เดิมเป็น false]
network.http.proxy.version
แก้เป็น 1.0 [แต่เดิมเป็น 1.1 ]
คลิกขวาที่ว่าง เลือก integer
1.ใส่ตัวแปร nglayout.initialpaint.delay
2.ใส่ค่าเป็น 0
browser.sessionhistory.max_total_viewers
ให้ใส่ตามปริมาณจำนวนแรมในเครื่อง เพื่อไม่ให้การเก็บ cache ในประวัติมีมากเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลให้ไฟร์ฟอกซ์กินแรมเยอะเกินไป
32 MB ให้ใส่ 0
64 MB ให้ใส่ 1
128 MB ให้ใส่ 2
256 MB ให้ใส่ 3
512 MB ให้ใส่ 5
มากกว่านี้ ให้ใส่ 8
ให้ใส่ 8 ได้มากที่สุดเท่านั้น ถ้าใส่มากกว่านี้ไฟร์ฟอกซ์จะปิดการเก็บ cache
คลิกขวาที่ว่าง เลือก Boolean
1.ใส่ตัวแปร config.trim_on_minimize
2.เลือกค่าเป็น True
คลิกขวาที่ว่าง เลือก Integer
1.ใส่ตัวแปร Browser.cache.memory.capacity
2.เลือกค่าโดยแปรผันตามจำนวนแรมข้างล่าง
แก้เป็น true [แต่เดิมเป็น false]
เสร็จแล้วก็ปิด FireFox แล้วเปิดใหม่ครับ คุณจะรู้สึกถึงความแตกต่าง อ่อ ส่วน Plug-in FasterFox ไม่ต้องไปลงมันนะครับ เพราะมันจะแอบโหลดเพจจากลิ้งค์ในหน้าที่คุณเปิดอยู่ กิน Bandwidth ครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ
Keyboard Silicone for ThinkPad T R Z series 7 rows
สั่งพิเศษมากจากเมืองนอกครับ เป็น Silicone ที่มี Keyboard layout ของ ThinkPad ครับ คือว่า Keyboard ทั่วไปมี 6 แถวใช่ไหมครับ แต่ Keyboard ของ ThinkPad จะมี 7 แถวครับเหมือน Keyboard ของ desktop PC ทั่วๆไปครับ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องปรับตัวเวลาเปลี่ยนมาใช้ Laptop ครับ
Silicone ใช้ได้ดีทีเดียวครับ กันฝุ่น กันน้ำ แถมยังเก็บเสียงเวลาพิมพ์ด้วยนะครับ
ถ้าท่านใดสนใจ สามารถสั่งซื้อได้ที่ผมนะครับ ราคา 500 บาท(รวมค่าจัดส่ง ถ้า EMS ก็ 550 ครับ)
โทร 084 717 9799 นบ ครับ
Subscribe to:
Posts (Atom)
